Topics

ในทุกซอกทุกมุม

เราเองก็ไม่อาจคุ้นเคยกับสิ่งใดได้ ถ้าความรู้โดยเฉพาะเกี่ยวกับสิ่งนั้นไม่เพียงพอสำหรับเรา มีสองสามประการเกี่ยวกับความรู้ที่จำเป็นในเรื่องนี้ ประการที่หนึ่งจะต้องมีแหล่งของความรู้ดังกล่าว ประการที่สองจะต้องมีตัวแทนซึ่งสามารถเก็บรักษาความรู้ดังกล่าวไว้ได้ ประการที่สามจะต้องมีตัวแทนที่สามารถอธายความหมายของความรู้ที่ได้มาจากสถานที่เก็บรักษาเช่นกัน และประการสุดท้าย จะต้องมีตัวแทนที่สามารถให้ความช่วยเหลือในการสำแดงความรู้ดังกล่าว

ตัวอย่าง ผู้หนึ่งรู้สึกหิว หมายควมว่า มนุษย์ได้รับข้อมูลว่า ร่างกายต้องการกินบางสิ่ง วแทนซึ่งได้รับข้อมูลนี้ อธิบายความหมายข้อมูลดังกล่าวว่า จะต้องบริโภคขนมปัง อาหารหรือบางสิ่งทำนองนี้ หลังจากร่างกายแห่งดาวได้รับข้อมูลแล้วก็อธิบายไปตามนั้นเช่นกัน และมนุษย์มีประสบการณ์ในการกินขนมปัง ผลไม้ และบางสิ่งบางอย่างอื่นๆ ไปตามนั้น

ตราบเท่าที่มีการพิจารณาถึงการทำให้ผู้หนึ่งบรรลุแรงกระตุ้นของตนจะพบว่าแรงกระตุ้นเหล่านี้ได้รับการบรรลุในวิธีเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นโลกวัตถุ โลกแห่งการชำระ (อะอ์รอฟ) สวรรค์หรือนรก แรงกระตุ้นบรรลุสำเร็จสมบูรณ์ ในลักษณะเดียวกันทุกสถานีแห่งการดำรงอยู่ของมนุษย์

สวรรค์ก็คือสวรรค์ เพราะมีลำธารน้ำนมและน้ำผึ้ง มีผลไม้ทุกชนิดอยู่ นอกเหนือไปจากกระบวนการอีกมากมายสำหรับชีวิที่สะดวกสะบายและหรูหราในสวรรค์

นรกก็มีนรกเพราะผู้หนึ่งต้องพำนักอยู่ในนั้น ท่ามกลางสภาพแวดล้อมซึ่งตามความรู้ของเราถือว่า เป็นความทรมานและการสร้างความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจอย่างยิ่ง อาหารมีอยู่ทั้งในสวรรค์ และในนรก ในสวรรค์ก็คือนำนมน้ำผึ้งและผลไม้ ส่วนในนรกอาหารประกอบด้วยรายการอาหารที่น่าสะอิดสะเอียน

กฎ มโนคติของการกินอาหาร ความรู้เกี่ยวกับการกินอาหารเหมือนกันทั้งสองสถานที่ การจัดเตรียมและการหามาให้ก็เหมือนกันทั้งสองแง่ แต่ความหมายโดยนัยต่างกัน อาหารสวรรค์เป็นสิ่งที่ดีเพราะความหมายโดยนัยดีงาม ส่วนอาหารในนรกไม่ดีเพราะเกี่ยวพันกับการสำนึกบาป การจับมาลงโทษ การครวญครางด้วยความเจ็บปวดและการโหยให้

โดยสรุป สิ่งนี้สามารถกล่าวได้ว่า ในความเป็นจริงจักรวาลทั้งมวลคือองค์ความรู้และสาขาความรู้ที่แตกต่างกัน คือวิธีการมากมายที่บอกนัยยะของความรู้ ร่างดาวคือตัวแทนของสิ่งนั้น ซึ่งอธิบายความหมายโดยนัยยะของความรู้ เมื่อมนุษย์ลงจากอาณาบริเวณของวิญญาณมายังโลกนี้ ร่างดาวทำให้เกิดความหมายโดยนัยยะของความรู้ในลักษณะที่มนุษย์พบว่าตนเองถูกจำกัดขอบเขตและถูกจองจำทุกก้าวย่าง หลังจากตัดสัมพันธ์จากเรือนร่างทางการภายภาพที่เป็นเนื้อหนังมังสาและกระดูกแล้ว ร่างดาวถักทอเสื้อคลุมตัวใหม่ของตนเอง ตามบรรยากาศในรูปแบบของอาณาบริเวณที่ตนเข้าไป ความหมายและความรู้สึกในแสดงนัยะของความรู้ ณ ที่นั่น ก็เผชิญ กับความเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน กาลเทศะในความหมายโดยนัยของสิ่งเหล่านี้ จะกลายเป็นสั้นมากและถูกทำให้น้อยลง จนทั้งหมดนี้เกือบถูกขจัดไป ณ ที่นี้การปฏิเสธกาลเทศะไม่ใช่การชี้แนะในการทำลายล้างพวกเขา เพราะในอะอ์รอฟ โลกและมนุษย์ บ้านช่องและสถานที่พำนักก็ดำรงอยู่เช่นกัน มนุษย์กิน ดื่ม เดินไปมาเยียมเยียนเพื่อนบ้านและคนที่รัก และรู้สึกสดใสหรือโศกเศร้า ความรู้สึกปิ

ติยินดีและเศร้าสร้อย ใช้ชีวิตอยู่ในบ้าน เพลิดเพลินกับแสงอาทิตย์ และสภาพอากาศอื่นๆ การเดินหรือวิ่งไปรอบๆ ไม่ได้แสดงนัยของการปฏิเสธกาลเทศะ ความเร็วของชีวิตเท่านนั้นที่เพิ่มขึ้นที่นั่น

ตัวอย่าง บางคนมีญาติที่อาศัยอยู่ในเมืองเดลฮี ตายไปเมืองการาจี ในอะอ์รอฟเมื่อเขาตั้งใจทีจะพบญาติของตนเอง ระยะทางของที่ว่งและเวลาระหว่างทั้ง 2 สถานที่นี้ จะลดลงเหลือเพียง 2 ก้าวเท่านั้น ระยะทางถูกย่อให้สั้น แต่ก้าวเดินและโลกดำรงอยู่เหมือนเดิมทุกอย่าง ดังนั้น กาลเทศะจึงยังคงดำรงอยู่ด้วย ด้วยการถ่ายโอนไปสู่ทุกๆ อาณาบริเวณต่อไป ความเร็วของมนุษย์เพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งสามารถครอบคลุมระยะทางระหว่างอาณาบริเวณวัตถุกับบัลลังก์ที่สูงส่งได้ในก้าวเดียวเท่านั้น

ความรู้บอกเราว่า ถ้ามนุษย์ต้องการครอบคลุมระยะทาง 3 กิโลเมตร ใน 1 ชั่วโมง ยังคงอยู่ในขอบเขตจำกัด ความเร็วของเขาจะช้ามาก และถ้าหลังจากมนุษย์ปลดปลอยตัวเองจากการควบคุมและปฏิเสธการกักขังของระยะทาง ดังนั้น ก้าวที่สองของเขาก็เหยียบฟากฟ้า ตัวอย่างเช่น ผู้หนึ่งนั่นอยู่บนโลก ตั้งใจที่จะกราบกรานต่อพระเจ้าผู้ทรงสูงส่ง ซึ่งครอบครองบัลลังก์อันตระหง่าน ด้วยความตั้งใจที่จะกราบกรานนี้ เมื่อเขาเห็นพระเจ้าครอบคลมบัลลังก์อันสูงส่งด้วยคุณลักษณะอันน่าชื่นชมของพระองค์ และเช่นนั้นเขาจึงกราบกรานต่อการปรากฏอยู่ของพระเจ้าผู้ทรงสูงส่ง

ยังคงมีการยึดมั่นอยู่ว่า ผู้หนึ่งไม่สามารถเดินทางไปยังฟากฟ้า ไม่มีใครสามารถเห็นพระเจ้าผู้ทรงสูงส่งได้ และว่าเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะกราบกรานต่อการปรากฏอยู่ของพระเจ้า แต่การยืนยันนี้เท่ากันทั้งความเขาลาและความอยุติธรรมของระเบียบดังกล่าว ขณะที่ไม่มีความอยุติธรรมหรือความเขลาใด น่าหัวเราะเยาะได้เท่ากับการที่เราอยู่ในการาจี เห็นคนพูดอยู่ในโทรทัศน์ในอเมริกา แต่ยังไม่พร้อมจะเชื่อบทบาทความสามารถของแสงในการนำเราสู่ฟ้าฟ้าอันสูงส่งตระหง่าน ถ้าบางคนสามารถทำให้ตัวเองคุ้นเคยกับศักยภาพในการสร้างสรรค์ซึ่งช่วยให้การประดิษฐ์คิดค้นโทรทัศน์เป็นไปได้ ดังนั้น เช่นไรจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปถึงทุกซอกทุกมุมของ

จักรวาลนี้ และที่จะผ่านจากอาณาบริเวณหนึ่งไปยังอีกอาณาบริเวณหนึ่ง ตามที่และเมื่อมีความตั้งใจและมีเจตนา

ครั้งหนึ่งทั้งหมด นั้นเคยได้รับการพิจารณาว่า เป็นมายากล และเวทมนตร์คาถา รวมทั้งนักวิชาการของเราได้กล่าวว่าเป็นการปฏิบัติงานที่น่าอัศจรรย์ บัดนี้กลายเป็นสิ่งของที่มีอยู่ในการใช้สอยเป็นประจำวัน ในรูปของประดิษฐ์กรรมทางวิทยาศาสตร์

มนุษย์นั้นแปลกเพียงใด ด้านหนึ่งไร้ความสามารถเสียจนกระทั่งไม่อาจได้ยินหรือมองเห็นสิ่งที่ดำรงอยู่ห้างไกลออกไปเป็นร้อยหลาได้ แต่ในอีกด้านหนึ่งกลับเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ จนสามารถปรากฏบนจอโทรทัศน์ ซึ่งเป็นประดิษฐ์กรรมหนึ่งของเขาเอง แม้อยู่ในอีกมุมหนึ่งของโลกก็ตาม 

Topics


Parapsychology (Thai)

ควาญะฮ ชัมซุดดีน อะซีมี

และถูกนำเสนอในเชิงวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในระดับสากล

คนส่วนใหญ่รู้จักควาญะฮ์ชัมซุดดีน อะซีมี เพราะรูปแบบการเขียนที่เป็นเลิศ ท่านเป็นเจ้าของหนังสือมากกว่า 13 เล่ม รวมทั้งแผ่นพับ และเอกสารต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งพูดถึงขอบข่ายความรู้สึกทางด้านอภิปรัชญา นอกจากกลวิธีการเขียนที่ดีเลิศแล้ว สำนวนภาษาที่ใช้ยังง่ายต่อความเข้าใจของคนทั่วไปด้วย ผลงานของท่านในการสร้างความเป็นวิทยาศาสตร์ และความเป็นสถาบันให้กับองค์ความรู้เก่าแก่ ที่ท่านรับมาจากครูของท่าน ไม่อาจกล่าวเป็นอื่นได้นอกจากความโดดเด่นน่าสนใจ

ควาญะฮ์ ชัมซุดดีน อะซีมี ซึ่งได้รับการฝึกฝนจากครูของท่านคือท่าน กอลันดาร บาบา เอาลิยาอ์