Topics
เมื่อบางคนเสียชีวิต
มักจะถือกันว่า คนผู้นั้นถูกทำลายไป
ขณะที่การตายไม่ได้หมายถึงจุดจบหรือการถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
เพียงแต่เป็นการถ่ายโอนจากโลกหนึ่งไปยังอีกโลกหนึ่ง
นั่นคือมนุษย์ละจากร่งกายที่เป็นเนื้อหนังมังสานี้และเคลื่อนไปสู่อาณาบริเวณอื่นๆ
คำว่า “จากไป” ยังหมายถึงจากไปสู่ชีวิตเป็นอมตะ เราสามารถกล่าวได้ว่า
มนุษย์จากชีวิตชั่วคราวในโลกนี้ไปสู่อาณาบริเวณซึ่งเขาต้องดำรงชีวิตเป็นระยะเวลาที่ยาวนานกว่ามาก
โดยภายนอกแล้วการสูญสลายทงกายภาพ
และทางจิตวิญญาณดูเหมือนเป็นสิ่งเดียวและเหมือนกัน แต่ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น
มีความแตกต่างในการจากร่างกายนี้ไปโดยเจตนาหรือตั้งใจที่จะกลับมา
กับการจากร่างกายนี้โดยทิ้งไปเลย ไม่ใช้อีกพร้อมกับทิ้งให้เน่าเปื่อยไป
ตัวอย่าง เมื่อไปนอนเรามองเห็นตัวเองในความฝัน
อยุ่ในระยะทางที่ห่างไกลออกไป ถ้าเรากินอาหารที่โน่นเราได้รับความพอใจจากรสชาติ
ได้รับประสบการณ์จากสภาพอากาศ บางคนพำนักอยู่ในประเทศที่มีภูมิอากาศร้อน ฝันว่า
ยืนอยู่บนยอดเขาที่มีหิมะปกคลุม และสั่นระริกไปทั้งตัวด้วยความหนาวเหน็บ
อาการตัวสั่นนี้เป็นเหตุให้เขาตื่นขึ้น และหลังจากตื่นขึ้นมาแล้ว
ก็พบตัวเองสั่นด้วยความหนาว ซึ่งความจริงไม่ได้อยู่ที่นั่น
พวกเราทุกคนมีประสบการณ์หลายครั้ง
ซึ่งเกิดเห็นญาติที่เสียชีวิตไปแล้ว การพบกับวิญญาณคนตายชี้ให้เห็นว่า
ผู้หนึ่งได้เคลื่อนย้ายไปยังอะอ์รอฟ ระหว่างสภาวะความฝัน
นี่คือหนึ่งในเป้าหมายของปราจิตวิทยา
ที่ผู้หนึ่งสามารถควบคุมการปลุกเร้าความสามารถดังกล่าวในตัวเอง
ซึ่งจะได้รับการกระตุ้นในฝันเท่านั้น ผู้หนึ่งจะต้องสามารถสั่งความสามารถดังกล่าว
ซึ่งปลดปล่อยมนุษย์จากความจำกัดของที่ว่างและเวลา
คำกล่าวของท่านศาสดา
(ขอความสันติพึงมีแด่ท่านและลูกหลาน) ที่ว่า “จงมองดูความตายก่อนที่จะตาย”
บอกอย่างชัดเจนว่า
หลังจากการปลดปล่อยตัวเราเองจากการยึดกุมของกาลเทศะ เราจะต้องสามารถเห็น
(ความตายและ) อาณาบริเวณที่ความจำกัดของที่ว่างและเวลาไม่ดำรงอยู่ เมื่อยังคงดำรงชีวิตอยู่ในโลกกายภาพเรา
สามารถกระทำสิ่งนี้ได้โดยทำให้ตัวเองคุ้นเคยกับสภาวะดังกล่าว
ซึ่งผู้หนึ่งก้าวหน้าไปเมื่อขณะหลับ
ก่อนจะยอมนอน
สิ่งแรกที่เรากระทำคือ นอกนบนเตียงในท่าที่สบาย ประการที่สอง คือ
จิตใจของเราตั้งมั่นที่จะเคลื่อนย้ายความรู้สึกสำนึกเกี่ยวกับกลางวันไปสู่ความรู้สักเกี่ยวกับกลางคืน
ประการที่สาม เราหลับตาและในที่สุดก็เข้าสู่ปริมณฑลของการนอน
ขอให้เรานอนด้วยจิตใจที่ตื่นอยู่
นั่งในท่าผ่อนคลาย ปล่อยให้จิตใจเป็นอิสระจากกิจกรรมทางโลก
หลับตาและเข้าไปในโลกจิตไร้สำนึก โลกจิตไร้สำนึกจะปรากฏในจอภาพจิตใจของเรา
เมื่อการยึดกุมของจิตใจที่มีจิตสำนึกอ่อนแอลง
เมื่อเข้าไปในโลกแห่งจิตไร้สำนึก ขณะนี้จะอยู่ในปริมณพลทางอภิปรัชญา
ท่านจะพบตัวเองอยู่ในอะอ์รอฟ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ทางอภิปรัชญญา
มองเห็นผู้อยู่อาศัยในโลกดังกล่าว เหมือนนักท่องเที่ยวในยามที่เข้าเมืองในโลกนี้มองเห็นชาวเมืองที่อาศัยอยู่ในเมืองดังกล่าว
ในโลกวัตถุวิญญาณของเรา
สร้างร่างกายที่เป็นเนื้อหนังมังสาจากเลือดเนื้อกระดูก ซึ่งถูกผลิตจากฝุ่นและโคลน
ฝุ่นและโคลนมีน้ำหนักเพราะแรงดึงดูดและความหนาแน่น
บุคคลหนึ่งพบว่าตัวเองถูกคุมขังและจำกัดในขอบเขตกับกันมากมาย ในอะอ์รอฟ
ร่างกายที่ได้รับการสลักเสลาโดยวิญญาณของเราประกอบไปด้วยแสง
โดยที่ร่างกายนี้ทำจากแสงซึ่งปราศจากแรงดึงดูดหรือความหนาแน่น เพราะฉะนั้น
มนุษย์จึงไม่พบว่าตัวเองถูกคุมขังอยู่ในขอบเขตกักกัน
เหมือนประสบการณ์ในโลกทางภายภาพและวัตถุในโลก ที่จำกัดและถูกควบคุมนี้ เรายังคงขาดแคลนทรัพย์ยากรที่จะขจัดความไร้อำนาจของตัวเองอยู่เสมอ
ความเร็วในการดำเนินการบางสิ่งอาจจะผันผวนได้
แต่ไม่ว่ามากหรือ น้อย เราไม่สามารถกระทำโดยปราศจากทรัพย์สมบัติ
และทรัพยากรธรรมชาติ เรายังคงพึ่งพาสิ่งเหล่านี้ ผู้หนึ่งสามารถเดินได้ระยะทาง 3
กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ้าใช้จักรยานความเร็วนี้สามารถเพิ่มได้เป็น 20
กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้รถยนต์ทำความเร็วได้ถึง 70- 80 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง
และถ้าใช้เครื่องบินสามารถทำความเร็วได้นับร้อยๆ กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เช่นเดียวกับที่ไม่มีความขัดแย้งใดๆ ในเรื่องอัตราความเร็วและความเร็วที่เพิ่มขึ้น
ก็ไม่อาจมีความเห็น 2
แบบได้ในเรื่องความยากจนและการต้องพึ่งพาทรัพย์สมบัติและทรัพยากรธรรมชาติของเรา
มนุษย์ยากจนต่อทรัพย์สมบัติและทรัพยากร เพราะร่างกายที่เป็นเนื้อหนังมังสา
สร้างจากฝุ่นดินและโคลน ส่วนทรัพย์สมบัติ และทรัพย์ยากรธรรมชาติ ทั้งหมดที่มนุษย์นำมาใช้ก็ทำจากดินและโคลนเช่นกัน
จักรยานไม่ใช่สิ่งใดนอกจากโคลน
เพราะทุกส่วนของจักรยานทำมาจากเหล็ก และเหล็กเป็นองค์ประกอบหนึ่งของดิน
ซึ่งถูกแยกออกมาจากดินหลังจากต้มในหม้อหลอม ทุกส่วนของ
เครื่องบินก็ทำมาจากส่วนประกอบอย่างใดอย่างหนึ่งของดิน
วัตถุดิบพื้นฐานทั้งที่เป็นโลหะหรือไม่ใช่โลหะล้วนคือดิน
ดินยังคงเปลี่ยนรูปพรรณสัณฐานไป ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ จักรยาน รถยนต์ เครื่องบิน
ต้นไม้ที่มีดอก ช้างหรือมด ทั้งหมดนี้คือรูปแบบหลากหลาย ซึ่งบรรดาผู้สร้าง
ได้เตรียมอนุภาคของดินไว้ อนุภาคของดินเหล่านี้คือสัญญาณอันมหัศจรรย์ยิ่งของพลังการสร้างสรรค์
และฝีมือความชำนาญที่ช่ำชองที่สุดของพระเจ้า ผู้ทรงเมตตายิ่ง
คำดำรัสอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้ากล่าวว่า
“และจงพิจารณาไตร่ตรองสัญญาณของเรา”
เชิญชวนความสนใจใคร่พิจารณาของเราต่อความเชี่ยวชาญและความชำนาญของพระเจ้า
ในฐานะที่สำแดงอยู่อย่างมากมายเหลือเกินใน ทุกสถานที่รอบตัวเรา
และผู้ที่เอาใจใส่ต่อการใคร่ครวญและพิจารณาไตร่ตรอง เหนือสัญญาณต่างๆ
ของพระเจ้าก็จะเคาพรพภักดีและใกล้ชิดเป็นที่รักของพระองค์ ผู้ทรงเมตตายิ่ง
ผู้หนึ่งสามารถขึ้นรูปดินที่นวดแล้วในรูปลักษณะใดก็ได้ตามแบที่อธิบายไว้ บุคคลผู้หนึ่งสามารถเป็นนกกระจอกจากดินได้
ดินสามารถใช้สร้างสิ่งใดก็ได้ ไม่ว่าจะใหญ่โตขนาดไหนหรือขนาดเล็กเพียงใด
ในการได้รับความรู้มีวิธีการ
2 วิธี วิธีการที่หนึ่งคือ
การสำรวจทรัพย์สมบัติที่ยังคงมีอยู่ภายในความจำกัดของกาลเทศะ
ด้วยการพิจารณาไตร่ตรองเกี่ยวกับสิ่งนั้น การพิจารณาไตร่ตรองยิ่งลึกซึ้งเท่าใด
ความสามารถที่จะได้รับการปลุกเร้าและกระตุ้นก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
อีกวิธีการหนึ่งคือ การคิดคำนึงตรงไปเกี่ยวกับความสามารถในการสร้างสรรค์ นั่นคือ
ภาพสะท้อนแห่งคุณลักษณะของพระเจ้า ภายหลังการปลดปล่อยจากความจำกัดของที่ว่างและเวลา
ควาญะฮ ชัมซุดดีน อะซีมี
และถูกนำเสนอในเชิงวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในระดับสากล
คนส่วนใหญ่รู้จักควาญะฮ์ชัมซุดดีน
อะซีมี เพราะรูปแบบการเขียนที่เป็นเลิศ ท่านเป็นเจ้าของหนังสือมากกว่า 13 เล่ม
รวมทั้งแผ่นพับ และเอกสารต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งพูดถึงขอบข่ายความรู้สึกทางด้านอภิปรัชญา
นอกจากกลวิธีการเขียนที่ดีเลิศแล้ว
สำนวนภาษาที่ใช้ยังง่ายต่อความเข้าใจของคนทั่วไปด้วย
ผลงานของท่านในการสร้างความเป็นวิทยาศาสตร์
และความเป็นสถาบันให้กับองค์ความรู้เก่าแก่ ที่ท่านรับมาจากครูของท่าน
ไม่อาจกล่าวเป็นอื่นได้นอกจากความโดดเด่นน่าสนใจ
ควาญะฮ์ ชัมซุดดีน
อะซีมี ซึ่งได้รับการฝึกฝนจากครูของท่านคือท่าน กอลันดาร บาบา เอาลิยาอ์