Topics
ความคุ้นเคยของผู้เรียนกับเรื่องเบื้องต้นของความรู้นั้นๆ
คือ พื้นฐานและสิ่งสำคัญสำหรับการศึกษาหาความความรู้สาขาใดก็ตาม
นักเรียนไม่อาจเรียนการอ่านเขียนภาษาใดได้ หากไม่ศึกษาพื้นฐานภาษานั้นเสียก่อน
แม้ว่าจะเป็นภาษาแม่ของเขาก็ตาม
การเรียนภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาแม่จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อศึกษาพื้นฐานของภาษานั้นๆ
ก่อนเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ในการเรียนอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อ
ได้เรียนอักษร เอ บี ซี ของภาษาอังกฤษเสียก่อน ถ้านักเรียนไม่รู้วิธีการอ่านด้วยการผสมอักษรต่างๆ
ในรูปของคำแล้วก็ไม่สามารถกล่าวได้ว่าเป็นผู้รู้ภาษา
ถึงแม้จะเป็นผู้ที่มีสติปัญญาดีเด่นเป็นพิเศษ และมีความสามารถก็ตาม
เฉกเช่นเดียวกับการศึกษาศาสตร์ทางโลก
นักเรียนต้องเรียนพื้นฐานความรู้ของแต่ละสาขาวิชาเฉพาะ การศึกษาพื้นฐานของศาสตร์ทางอภิปรัชญา
และความรู้ทางด้านจิตวิญญาณ ซึ่งออกแบบโดยบรรดาศาสดาของพระเจ้า
และสานุศิษย์ของพวกท่าน ก็ถูกกำหนดไว้เช่นกัน ในการเรียนศาสตร์ทางด้านกายภาพ
ซึ่งต้องศึกษาพื้นฐานนั้น ผู้เรียนจะต้องเปลี่ยนวิธีคิดด้วย
ในการสอนศาสตร์ทางจิตวิญญาณไม่มีหนังสือขั้นพื้นฐานเบื้องต้นเกี่ยวกับกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ
ได้รับการ
จัดพิมพ์มาก่อนในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ด้วยเหตุผลง่ายๆ
ว่าความรู้ทางจิตวิญญาณไม่สามารถสอนเหมือนศาสตร์ทางกายภาพได้
แต่จะถ่ายทอดจากครูสู่ศิษย์ ตัวอย่างที่ปกติธรรมดาที่สุดของการเรียนภาษาแม่ของเด็ก
ไม่มีแม่คนใดเคยสอนพื้นฐานต่างๆ ของภาษาที่นางพูดให้ลูกๆ ของนาง ภาษาที่แม่พูด
ค่อยๆ ได้รับการถ่ายทอดไปสู่ลูกโดยแทบไม่รู้สึกตัว
ไม่มีใครเคยสอนภาษาแม่ด้วยการสอนพื้นฐานให้มาก่อน
เด็กจะหล่อหลอมเข้าไปในแบบแผนความคิดดังกล่าว
อย่างที่พ่อแม่ของเขามีโดยอัตโนมัติ แกะกินหญ้าไม่เคยไปกินเนื้อ
ลูกเสือจะไม่กินหญ้าแต่จะกินเนื้อเท่านั้น ลูกหลานนกพิราบจะไม่กินทั้งหญ้าและเนื้อ
แต่จะจิกเมล็ดพิช ลูกมนุษย์กินทุกอย่างรวมทั้งเนื้อ ผัก เหง้า กรวด
กรวดรวมทั้งเกลือและแร่ธาตุ ไม้รวมทั้งอบเชยและขมิ้น ลูกมนุษย์กินสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
เพราะพ่อแม่ของเขากิน ถ้านิสัยทางโภชนาการของมนุษย์คล้ายคลึงกับลูกสิงโต
ลูกมนุษย์ก็จะต้องมีสิ่งเหล่านั้น ลูกสัตว์รู้สิ่งที่มันควรจะกินหรือไม่ควรกิน
วิธีการที่ควรและไม่ควรในการล่าเหยื่อโดยไม่ต้องเรียนรู้
ทั้งหมดนี้ถ่ายทอดจนพ่อแม่ไปสู่ลูกโดยปราศจากการเรียนรู้ขั้นพื้นฐาน
สิ่งถูกสร้างต่างๆ ที่ดำรงอยู่ในโลกนี้ทั้งหมดล้วนรู้ภาษาแม่ของตน
และถ่ายทอดความรู้สึกในการใช้ภาษาเหล่านั้นไปสู่พวกพ้อง
เมื่อแม่ไก่รู้สึกถึงอันตรายจะร้องออกมาด้วยเสียงที่เป็นสัญลักษณ์
เพื่อบอกให้ลูกเจี๊ยบรู้ถึงอันตรายที่บินฉวัดเฉวียนอยู่ และรีบเข้าไปซุกอยู่ใต้ปีกเพื่อการปกป้องคุ้มครอง
ทุกเผ่าพันธุ์มีภาษาเฉพาะเพื่อสื่อสารระหว่างปัจเจกของตน
ในสังคมมนุษย์มีภาษาและสำเนียงท้องถิ่นมากมายใช้กันอยู่ นอกจากพูดกันอย่างชัดเจน
ด้วยภาษาใดภาษาหนึ่ง ยังมีแบบแผนการสื่อสารอื่นๆ อยู่ด้วย
นั่นคือภาษาสัญลักษณ์และเครื่องหมาย
และพวกเราทุกคนต่างคุ้นเคยกับแบบแผนการสื่อสารนี้
และใช้เมื่อมีความจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ทุกคนมีความคุ้นเคยกับภาษาเหล่านี้
เมื่อพ่อต้องการให้ลูกทำสิ่งใด ก็จะมองด้วยลักษณะพิเศษ
ซึ่งบอกลูกอย่างชัดเจนในสิ่งที่พ่อต้องการ ลักษณะการร้องไห้ของลูกน้อยบอกแม่ให้รู้สิ่งที่ทารกต้องการบอกไม่ว่าจะเป็นความหิว
หรือความเจ็บปวด มีตัวอย่างอื่นๆ อีกเช่นกัน ตัวอย่างเช่น
ท่านกำลังมีความสนุกสนานกับเพื่อนๆ
และการสนทนาดำเนินไปในลักษณะที่ท่านรู้สึกว่า ไม่เหมาะที่ลูกจะได้ยิน
เมื่อลูกเข้ามาท่านมองไปยังเขา ด้วยความคิดในใจว่ ลูกไม่ควรเข้ามาที่นั่น
ถึงแม้ว่าไม่มีการบอกกล่าว เด็กก็เข้าใจว่าเขาไม่ควรอยู่ที่นั้น
และถอยออกไปโดยไม่กลับมาอีก
บางครั้งคนที่ท่านรักอาศัยอยู่ห่างไกลออกไป
กำลังเผชิญกับความยากลำบากบางอย่ง และท่านเริ่มกังวลเกี่ยวกับความยากลำบากของเขา
ภายหลังมีการพิสูจน์ให้เห็นว่า ความยากลำบากเป็นความจริง
บางครั้งท่านเกิดคิดถึงเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันเป็นเวลานาน
เมื่อออกมาจากบ้าน ก็เกิดพบเขาโดยบังเอิญ
บางครั้งในทันทีทันใดท่านเกิดคิดถึงอุบัติเหตุ และผลของมันทำให้ประสาทตึงเครียด
จนรู้สึกอ่อนเพลียอย่างมาก บางครั้งยังเกิดขึ้นว่า
ท่านรู้สึกสดใสและมีความสุขโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน
ท่านไม่อาจชี้เหตุผลของความสุขสดชื่นออกมาได้ แต่ก็ยังคงยืนยันได้
และไม่อาจละเลยเสีย
มีคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งอยู่ภายใน
ซึ่งให้คำแนะนำเราทุกคนทุกขั้นตอนของชีวิต
บางครั้งการทำตามคำแนะนำดังกล่าวทำให้เรารู้สึกเศร้าหมอง
และบางครั้งเรารู้สึกสุขสดชื่นโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน
บางเวลาสั่งให้เราดื่มน้ำและบางครั้งคอมพิวเตอร์จะแจ้งให้ทราบว่
กล้ามเนื้อมีความอ่อนเพลียและไม่อาจรับความตึงเครียดได้อีกแล้วจึงต้องเข้านอน
เมื่อนอนมากเกินไปคอมพิวเตอร์จะแจ้งว่า หากยังนอนอยู่บนเตียงและไม่ตื่นขึ้นเต็มตาแล้ว
ร่างกายจะถูกตะคริวจับ เพราะฉะนั้น จงลุกขึ้นจากเตียงแล้วเริ่มเคลื่อนไหว
มนุษย์หรือสิ่งมีชิตต่างๆ ไม่สามารถกระทำสิ่งใดได้
ถ้าไม่มีการถ่ายทอดข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งอยู่ภายในนี้
คอมพิวเตอร์นี้ติดตั้งอยู่ในทุกสิ่งที่ดำรงอยู่ในจักรวาล
ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับสิ่งใด ไม่ว่า มนุษย์ สัตว์ พืช หรือ แร่ธาตุ
ทั้งหมดล้วนมีสมองกลนี้เตรียมข้อมูลตามสถานการณ์และสภาพแวดล้อมไว้ให้
ในเชิงของศาสตร์ทางอภิปรัชญาเรียกคอมพิวเตอร์นี้ว่า “วิญญาณ” ทุกสิ่งที่ดำรงอยู่ไม่ว่ามีชีวิตหรือไม่ว่ามีชีวิตหรือไร้ชีวิต
ล้วนมีคอมพิวเตอร์ติดตั้งภายใน ความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับสิ่งถูกสร้างอื่นคือ
มนุษย์มีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ดังกล่าว แต่สิ่งถูกสร้างอื่นไม่มี
มนุษย์เท่านั้นที่ได้รับความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์จากพระเจ้าผู้ทรงสัพพัญญู
ซึ่งเป็นความรู้เดียวกับที่กล่าวในคัมภีร์อัลกุรอาน
พระเจ้าผู้ทรงสูงส่งได้กล่าวกับเทวทูตว่า
“เราประสงค์จะแต่งตั้งตัวแทนของเราบนหน้าแผ่นดิน”
บรรดาเทวทูตกล่าวว่า
“พระองค์จะทรงให้มีขึ้นในพิภพซึ่งผู้ที่บ่อนทำลาย
และก่อการนองเลือด ในพิภพกระนั้นหรือ ทั้งๆ ที่พวกข้าพระองค์ให้ความบริสุทธิ์
พร้อมด้วยการสรรเสริญพระองค์ และเทิดทูนความบริสุทธิ์ในพระองค์”
พระเจ้าทรงกล่าวว่า
“แท้จริงข้ารู้ยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้”
และเพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
อาดัมถูกสอนด้วยความรู้ในนามชื่อของพระองค์ และบรรดาเทวทูตก็ถูกถามว่า
“จงบอกบรรดาชื่อของสิ่งเหล่านั้นแก่ข้า
หากพวกเจ้าเป็นผู้พูดจริง”
บรดาเทวทูตยอมรับโดยดุษณีว่า
“มหาบริสุทธิ์
พระองค์เท่านไม่มีความรู้ใดๆ แก่พวกข้าพระองค์
นอกจากสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสอนพวกข้าพระองค์เท่านั้น”
ในฐานะเป็นลูกหลานของอาดัม
มนุษย์ทุกคนสามารถมีประสบการณ์ในการสังเกตุสิ่งเดียวกับที่อาดัมบิดาของพวกเขาเคยสังเกตมาแล้ว
ถ้าผู้ใดไม่สามารถสังเกตุเห็นสิ่งที่อาดัมเคยกระทำ
นั่นคือการสนทนาที่เกิดขึ้นระหว่างพระเจ้าผู้ทรงสูงส่งและบรรดาเทวทูต
การกราบกรานของบรรดาเทวทูตที่ยอมรับความเหนือกว่าของอาดัมตามคำสั่งของพระเจ้าแล้ว
ผู้นั้นก็ไม่มีความชอบธรรมใดๆ ที่จะถูกเรียกว่าเป็นบุตรหลานของอาดัม
และได้รับสถานภาพผู้ช่วยของพระเจ้า ดังที่บิดาได้รับการแต่งตั้ง กล่าวอย่างสั้นๆ
คือ
ถ้ามนุษย์ไม่ตระหนักถึงความรู้ที่ได้รับความเป็นผู้ช่วยของพระเจ้าและไม่สังเกตถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันแห่งการสร้างสรรค์ตัวเขาแล้ว
มนุษย์ก็ไม่สามารถได้รับการนับถือว่า เป็นลูกหลานที่แท้จริงของอาดัมได้
บนพื้นฐานของความคล้ายคลึงทางกายภาพกับบิดาของเขานั้น
มนุษย์เป็นเพียงบุตรหลานที่ไม่เชื่อฟัง ซึ่งสร้างแต่ความเสื่อมเสียมาให้บรรพบุรุษ
ควาญะฮ ชัมซุดดีน อะซีมี
และถูกนำเสนอในเชิงวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในระดับสากล
คนส่วนใหญ่รู้จักควาญะฮ์ชัมซุดดีน
อะซีมี เพราะรูปแบบการเขียนที่เป็นเลิศ ท่านเป็นเจ้าของหนังสือมากกว่า 13 เล่ม
รวมทั้งแผ่นพับ และเอกสารต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งพูดถึงขอบข่ายความรู้สึกทางด้านอภิปรัชญา
นอกจากกลวิธีการเขียนที่ดีเลิศแล้ว
สำนวนภาษาที่ใช้ยังง่ายต่อความเข้าใจของคนทั่วไปด้วย
ผลงานของท่านในการสร้างความเป็นวิทยาศาสตร์
และความเป็นสถาบันให้กับองค์ความรู้เก่าแก่ ที่ท่านรับมาจากครูของท่าน
ไม่อาจกล่าวเป็นอื่นได้นอกจากความโดดเด่นน่าสนใจ
ควาญะฮ์ ชัมซุดดีน
อะซีมี ซึ่งได้รับการฝึกฝนจากครูของท่านคือท่าน กอลันดาร บาบา เอาลิยาอ์