Topics
เมื่อใดก็ตามที่มีการถกเถียงในเรื่องสูงขึ้นหรือตกต่ำลง
ก็ไม่อาจละเลยการ ศึกษาปัจจัยในการขึ้นสูงได้ ได้กล่าวไปแล้วว่า
ความก้าวหน้าเป็นผลลัพธ์ของความ มานะบากบั่น ไม่ว่าในระดับปัจเจกหรือระดับกลุ่ม
และผลของความเสื่อมและ ความตกต่ำ เมื่อปัจเจกหรือประชาชาติกลายเป็นคนประมาท
และเริ่มมีชีวิตที่หรูหรา ฟุ่มเฟือย
ความเจริญและความก้าวหน้ามี
2 ลักษณะ หนึ่งในนั้นคือสภาวะของศักดิ์ศรี ในทางโลก
ความเจิดจรัสและเกียรติยศทางโลกของปัจเจกชนหรือของประชาชาติ
และความก้าวหน้าอีกด้านหนึ่ง ซึ่งความจริงเป็นด้านที่เที่ยงแท้คือ การที่ปัจเจกชน
หรือประชาชาติ ซึ่งยังคงมีชีวิตอยู่ในโลกที่ดำรงอยู่
สามารถไปถึงโลกที่มองไม่เห็นได้ ถ้าทั้งสองด้านนี้ลถูกนำมาพิจารณา
ก็จะเป็นการชัดเจนยิ่งว่า ความก้าวหน้าทาง วิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบัน
เป็นความก้าวหน้าภายนอกที่เห็นได้ชัดเท่านั้น ไม่มีข้อสงสัยว่า
ประชาชาติที่มีการศึกษาวิจัยและต่อสู้อย่างหนัก เพื่อการประดิษฐ์คิดค้น
จะเป็นประชาชาติที่มีความก้าวหน้าและพัฒนาในความรู้สึกทางโลก แต่เราก็สังเกต
เห็นด้วยว่าประชาชาติเดียวกันนั้น เป็นประชาชาติที่ขาดแคลนยิ่ง ในเงื่อนไขของ
ความสันติสุขแห่งจิตใจและความสงบร่มเย็นของจิตวิญญาณ เพราะพวกเขาไม่
ตระหนักถึงความเป็น
จริง หรือกล่าวได้ว่า
พวกเขายังคงขาดไร้ซึ่งความรู้เกี่ยวกับชีวิต ที่แท้จริง
ชีวิตที่แท้จริง
ผู้คนมีความคุ้นเคยกับโลกที่จริงแท้ ซึ่งยังคงมีความสงบร่มเย็นอยู่เสมอ
ยุคสมัยปัจจุบันเป็นยุคสมัยแห่งความเจริญก้าวหน้าอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ใน
ขณะเดียวกันก็เป็นยุคที่ความทุกข์ยาก ความหวั่นวิตก ความโกลาหลและความ
กดดันทางอารมณ์เผชิญหน้ามนุษย์อยู่ ทั้งที่ความก้าวหน้าเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อน
เหตุผลสำหรับสิ่งนี้แสนจะเรียบง่ายคือผลประโยชน์ส่วนตัว พื้นฐานของความก้าว
หน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นความก้าวหน้าของปัจเจกชนหรือประชาชาติ การพัฒนานี้เพื่อ
ความผาสุกของมนุษยชาติ ซึ่งความสันติสุขเป็นผลลัพธ์ขั้นสุดท้ายของความก้าวหน้า
นี้จริงหรือ จิตใจของปัจเจกหรือระดับกลุ่ม เกี่ยวพันกับกระบวนการเข้าใกล้ความคิด
ถ้ากระบวนการเข้าใกล้ความคิดคือความพยายาม และการประดิษฐ์คิดค้นของเรา
ควรจะต้องมีประโยชน์ต่อมนุษยชาติและสิ่งถูกสร้างของพระเจ้า กระบวนการเข้า
ใกล้ความคิดนี้ ก็จะเป็นกระบวนการเข้าสู่ความคิดแบบศาสดา ซึ่งเหมือนกับกระบวน
การเข้าใกล้ความคิดของพระเจ้า กระบวนการเข้าใกล้และแนวทางความคิดนี้ ได้รับ
การเรียกขานทางกลวิธีว่า จิตสำนึกกอลันดาร ถ้าหากมนุษย์มีอุเบกขาเขาจะได้รับ
การคุ้มครองและปลอดภัยจากโรคแห่งความทุกข์ยาก และความวิตกกังวลต่างๆ
วิธีการง่ายๆ
เพื่อให้ได้รับสภาวะของอุเบกขา (อิสตักนา) คือความคิดของมนุษย์นั้นพ้องหรือสนับสนุนกระบวนการเข้าใกล้ความคิดของพระเจ้า
เมื่อเราสังเกต การดำรงอยู่ของโลก
เราจะพบว่าพระเจ้าทรงบันดาลทรัพย์สมบัติและทรัพยากร
ธรรมชาติปริมาณเหลือคณานับสำหรับสิ่งลูกสร้างของพระองค์ และไม่มีแหล่งใดเลย
ที่มีความเกี่ยวพันโดยตรงกับผลประโยชน์ของพระองค์เอง พระเจ้าไม่ทรงกังวลกับ
สิ่งใดทั้งสิ้น นอกจากความจริงที่ว่า พระเจ้าทรงปลอดจากความต้องการทั้งมวล และ
พระองค์ไม่ทรงต้องการสิ่งใดทั้งสิ้นแล้ว พระองค์ยังจัดเตรียมทรัพย์สมบัติและ
ทรัพยากรธรรมชาติให้สิ่งถูกสร้างของพระองค์อย่างเป็นปกติ ตามกฎเกณฑ์ระเบียบ
แบบแผนอีกด้วย ถ้าในฤดูกาลที่มีความต้องการมะม่วง ต้นมะม่วงจะออกดอก และ
ผลมะม่วงก็จะถูกผลิตออกมาตามแบบแผนเพื่อสนองความต้องการของผู้คน
โดยที่มนุษย์นั้นขาดแคลนทรัพย์สมบัติและทรัพยากรธรรมชาติ
เพราะฉะนั้น จึงไม่อาจเมินเฉยต่อแหล่งที่มาในลักษณะที่จะแยกตัวออกไปจากทุกสิ่งและทำให้ถูก
ตัดขาดได้ แต่สามารถยอมรับกระบวนการเข้าใกล้ความคิดที่ว่า แหล่งที่มาซึ่งเกิดจาก
ความพยายามของเขานั้น
เผ่าพันธุ์ของมนุษยชาติทั้งมวลมีหุ้นส่วนและมีสิทธิอย่างเต็มเปี่ยมที่จะใช้มัน
ดังที่เขาใช้ การ
ได้มาซึ่งกระบวนการเข้าใกล้ความคิดดังกล่าว
มีแนวโน้มไปสู่ความสัมพันธ์ของอารมณ์กับกระบวนการเข้าใกล้ที่ต้องการ ตัวอย่าง เช่น
ถ้าท่านปรารถนาจะมีมิตรภาพกับสุภาพชน ท่านก็ควรจะต้องกระทำสิ่งที่เหมือน
กับที่สุภาพชนปฏิบัติกัน ถ้าท่านแสวงหาความสัมพันธ์กับนักการพนัน ท่านก็จะต้อง
เล่นการพนันกับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย และถ้าต้องการอยู่ร่วมกับผู้ทรงศีล
ท่านก็ต้องยอมรับการปฏิบัติที่เหมือนกับผู้ทรงศีลนั้นมากที่สุด
การเปลี่ยนแปลงกระบวน การเข้าใกล้ความคิด
เป็นสัดส่วนโดยตรงกับการรับเอาอุปนิสัยและการปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องนี้มา
ควาญะฮ ชัมซุดดีน อะซีมี
เมื่อพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะให้โครงการจักรวาลเปลี่ยนไปเป็นวัตถุธาตุเกิดขึ้นในจิตของพระองค์
พระองค์เพียงตรัสว่า “จงเป็น”
โครงการจักรวาลนั้นที่ปรากฏขึ้น ในลำดับและการจัดการต่อไปนี้
หนังสือเล่มหนึ่ง
เปิดขึ้นและแสดงอย่างชัดเจน
หนังสือประกอบด้วยบันทึกที่ถูกเก็บไว้จำนวน
300 ล้าน บันทึก
แต่ละบันทึกที่ถูกเก็บไว้ประกอบด้วยแกแล็กซี่
จำนวน 80,000 แกแล็กซี่
แต่ละแกแล็กซี่มีระบบที่เสถียรกว่า
100,000 ล้านระบบ และระบบที่ไม่เสถียรกว่า 1.2 ล้านล้านระบบ
แต่ละระบบมีดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์บริวารประมาณ
9-13 ดวงต่อระบบ
เป็นเรื่องเข้าใจผิดและถือเป็นการคาดเดา
ที่กล่าวว่า โลกของเราเท่านั้นที่เป็นโลกแห่งการตั้งถิ่นฐานมนุษย์
มีอาณานิคมและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์และญินในทุกๆ